แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินเดือนตุลาคม ปี 2566
สรุปแล้ว เศรษฐกิจไทยในปี 2567 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อน แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความท้าทายจากปัจจัยลบนอกประเทศที่นับวันจะยิ่งซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น รวมถึงข้อจำกัดจากปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศที่ยังเป็นอุปสรรคในการเติบโตอย่างยั่งยืน โจทย์สำคัญคือ New Engine of Growth ที่จะยกระดับเศรษฐกิจไทยคืออะไร คงต้องหาคำตอบกันต่อไป… ทั้งนี้ ธปท.คาดการณ์ด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยในปี 66 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3% กลับเข้ามาสู่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อในไตรมาสที่ three ของปี sixty six และจะลดลงต่อเนื่องในปี 67 ซึ่ง ธปท.คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.1% โดยราคาน้ำมันดิบดูไบมีแนวโน้มลดลงในปี 2567 จากปริมาณการผลิตกลุ่มนอน-โอเปกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และการส่งออกน้ำมันของรัสเซียที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน หลังปรับเปลี่ยนเส้นทางการค้าเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร. รวมทั้งพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหลังโควิดยังช่วยสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การขนส่ง และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่น่ากังวลคือรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่ยืดเยื้อ ราคาวัตถุดิบสูง และแนวโน้มการใช้รถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้อุตสาหกรรมเหล็กยังประสบปัญหาราคาต้นทุนสูง ซึ่งทั้งการบริโภคและการนำเข้าของผลิตภัณฑ์เหล็กสำเร็จรูปต่างหดตัวลง 23% ในตุลาคม 2565 (YoY) ตามข้อมูลจากสลท. แม้นักท่องเที่ยวจีนจะยังคงฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด แต่ไทยยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมของชาวจีน และหวังที่จะเห็นการฟื้นตัวปีนี้ เราเห็นว่า ตัวเลขประมาณการต่างๆ จากหลายสำนักฯ ที่ออกมา